ลูกแพร์ มีประโยชน์อย่างไร

               ลูกแพร์ สรรพคุณและประโยชน์ของลูกแพร์

แพร์เป็นผลไม้ที่มีขนาดและลักษณะคล้ายกับแอปเปิล แต่แพร์มีรูปทรงเว้าโค้งชัดเจนกว่า คือมีด้านขั้วเล็กแล้วโค้งผายใหญ่ไปด้านก้นผล จึงถูกนำไปใช้เปรียบเทียบกับรูปร่างของหญิงสาวที่รูปร่างลักษณะเดียวกันนี้ว่า (หุ่นแบบลูกแพร์) แพร์มีหลากหลายสายพันธุ์ ทั้งเปลือกผลสีเขียว สีเหลือง สีแดง สีน้ำตาล หรืออาจมีมากกว่าหนึ่งสีปนอยู่ในผลเดียว เช่นสีเขียวปนแดง แพร์มีเนื้อในสีขาว เมื่อสุกเนื้อจะค่อนข้างนิ่ม ฉ่ำน้ำ รสหอมหวาน หรือบางพันธุ์อาจอมเปรี้ยวเล็กน้อย  จะกินแบบสดหรือจะดัดแปลงเป็นอาหารก็มีหลายแบบ เช่น เชื่อม แช่อิ่ม ทาร์ต เค้ก หรือแยม แต่เมื่อหั่นแพร์แล้วยังไม่กินทันที ควรแช่ในน้ำเกลือหรือน้ำผสมน้ำมะนาวเล็กน้อย เพื่อป้องกันเนื้อแพร์เปลี่ยนเป็นสีคล้ำ

แพร์เป็นหนึ่งในอาหารเพียงไม่กี่ชนิดที่ผ่านการทดสอบและยืนยันแล้วว่าก่อให้เกิดอาการแพ้น้อยมาก จึงสามารถใช้เป็นอาหารเสริมให้แก่เด็กที่แพ้อาหารง่ายหรือเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป แพร์เป็นผลไม้ย่อยง่าย มีเส้นใยอาหารสูง โดยเฉพาะบริเวณเปลือกจึงควรกินทั้งเปลือก โดยจะพบเส้นใยอาหารชนิดละลายน้ำได้แบบเดียวกับเส้นใยอาหารในแอปเปิล นั่นก็คือเพกติน ซึ่งดีต่อระบบทางเดินอาหาร และลดการดูดซึมคอเลสเตอรอลเข้าสู่ร่างกาย

แพร์มีค่าดัชนีไกลซีมิก (Glycemic index) อยู่ในระดับต่ำซึ่งดัชนีดังกล่าวจะเป็นตัวชี้วัดว่า คาร์โบไฮเดรตในอาหารแต่ละชนิดจะถูกย่อยสลายได้ช้าหรือเร็วเพียงใด โดยอาหารที่มีค่าดังกล่าวสูงจะถูกย่อยอย่างรวดเร็ว ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้นและลดฮวบลงภายในระยะเวลาอันสั้น ส่งผลเสียต่อร่างกาย ส่วนน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวอย่างกลูโคสและฟรักโทสที่มีอยู่ในแพร์นั้น ร่างกายสามารถนำไปใช้เป็นพลังงานได้ง่าย ในแพร์มีกรดไฮดรอกซีซินามิก (Hydroxy cinnamic acid) ช่วยยับยั้งการเจริญเติมโตของแบคทีเรียก่อโรคและป้องกันมะเร็งในลำไส้ มีโพแทสเซียมช่วยควบคุมความดันโลหิตให้เป็นปกติ มีวิตามินเอและซีช่วยต้านอนุมูลอิสระ บำรุงสายตาและผิวพรรณ ขณะที่กรดโฟลิกก็ช่วยป้องกันความผิดปกติของทารกในครรภ์ แถมด้วยฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แคลเซียม และทองแดง ซึ่งแม้ว่าร่างกายจะต้องการสารเหล่านี้ในปริมาณไม่มากนัก แต่ก็จำเป็นต้องได้รับอย่างเพียงพอ เพื่อสุขภาพ

https://th.wikipedia.org/w/index.php?title